มหาสงครามกรุงทรอย
สงครามเมืองทรอยเป็นเรื่องที่ถูกบันทึกเอาไว้ในมหากาพย์เรื่อง อีเลียด (Iliad) ของมหากวีนาม โฮเมอร์ ซึ่งเขาเป็นผู้ประพันธ์มหากาพย์อีกเรื่องคือโอดิสซีย์ (Odyssey)
สำหรับม้าไม้ยักษ์แห่งทรอยนั้นมีจริงหรือไม่ เรื่องนี้ก็ยังไม่สามารถตอบฟันธงลงไปได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะว่าไม่มีหลักฐานใดที่สามารถชี้ชัดได้
แต่เมืองทรอยนั้นมีจริง เพราะว่ามีการขุดค้นพบซากเมืองที่เชื่อกันว่าจะเป็นเมืองทรอย บริเวณที่ชื่อ ฮิซาร์ลิก ในเมืองคานัคเกล ทางตะวันตกของประเทศตุรกี ซึ่งมีอายุอยู่ในช่วง 1,250 ปีก่อนคริสตกาล
โดยเราสามารถเห็นซากกำแพงและหอคอยของเมืองทรอยได้ และปัจจุบันก็มีการสร้างม้าไม้จำลองขนาดยักษ์ขึ้นบริเวณซากเมืองทรอยอีกด้วย
เมืองทรอยจึงมีอยู่จริง บนฝั่งทะเลใกล้ ๆ ปากช่องแคบดาร์ดะเนลส์ ที่แยกยุโรปกับเอเชียออกจากกัน เช่นเดียวกับช่องแคบบอสฟอรัสทางเหนือของทะเลมาร์มาร่า ซึ่งเป็นเมืองโบราณที่นักโบราณคดีได้ขุดค้นพบ ให้ซากปรักหักพังทั้งหลาย ปรากฏต่อสายตาของคนรุ่นหลัง
แผนที่ จากกรีซไปก็เดินเรือไกลเหมือนกัน เป็นการใหญ่มากที่จะต้องยกเรือหลายพันลำ ข้ามไปฝั่งทวีปเอเชีย
กลับมาเรื่องของสงครามกันบ้าง เพเลอุส (กษัตริย์แห่งเมอมิดอนส์) และ เธทิส (เทพีแห่งทะเล) ได้จัดงานอภิเษกสมรสขึ้น แต่ทั้งคู่กลับไม่ได้เชิญ อีริส เทพีแห่งความขัดแย้ง เพราะทั้งคู่เกรงว่านางจะทำให้งานมงคลนี้ต้องวุ่นวายได้ ทำให้นางไม่พอใจ
เมื่อไปถึงงาน เทพีอีริสจึงเริ่มแผนสร้างความแตกแยกขึ้น ด้วยการโยนแอปเปิลทองคำลงบนโต๊ะ พร้อมกับกล่าวว่า ลูกแอปเปิลทองคำนี้จะเป็นของผู้ที่งดงามที่สุดเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ เทพีเฮรา เทพีเอเธนา และเทพีอโฟรไดทีจึงแย่งกันเป็นเจ้าของแอปเปิลทองคำลูกนั้น พร้อมกับให้เทพซุสมาเป็นผู้ตัดสิน
ซึ่งเทพซุสรู้ดีว่าการตัดสินของเขานั้นอาจจะสร้างความเดือดร้อนให้กับตัวเองได้ จึงโยนไปให้ เจ้าชายปารีส แห่งเมืองทรอย เป็นผู้ตัดสินแทน
เทพีเฮราจึงไปติดสินบนด้วยการสัญญาว่า จะช่วยให้เจ้าชายปารีสมีชัยเหนือกรีก ส่วนเทพีเอเธนาได้ไปสัญญาว่าจะช่วยให้เจ้าชายปารีสครอบครองแผ่นดินทั่วทั้งเอเชียและยุโรป ขณะที่เทพีอโฟรไดทีสัญญาว่าจะมอบหญิงผู้เลอโฉมที่สุดในแผ่นดินให้
เจ้าชายปารีสเลือกที่จะตัดสินให้เทพีอโฟรไดตทีเป็นผู้ที่งดงามที่สุด ต่อมาเทพีอโฟรไดทีก็ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ ด้วยการพาเจ้าชายปารีสไปพบหญิงผู้งดงามที่สุดซึ่งก็คือ เฮเลน ผู้เป็นธิดาแห่งเทพซุส ปัญหาก็คือนางเป็นถึงมเหสีของ เมเนลอส เจ้าเมืองสปาร์ตา
เมื่อไปถึงสปาร์ตา กษัตริย์เมเนลอสต้อนรับเจ้าชายปารีสเป็นอย่างดี แต่ในระหว่างที่เมเนลอสต้องออกจากเมืองเพื่อไปเยี่ยมกษัตริย์นอสซัส เจ้าชายปารีสจึงลงมือลักพาตัวเฮเลนกลับไปยังเมืองทรอย ก่อนจะจัดพิธีอภิเษกขึ้นในภายหลัง
ครั้นเมื่อกลับมาและพบว่า พระมเหสีอันเป็นที่รักถูกลักพาตัวไป กษัตริย์เมเนลอสจึงได้รวบรวมสมัครพรรคพวกทั้งหลาย ร่วมกันส่งกองทัพไปยังเมืองทรอยเพื่อล้างแค้น
กองทัพอันยิ่งใหญ่ของกรีกที่มีเรือกว่า 1,000 ลำนี้ต้องใช้เวลานานกว่าที่จะไปถึงเมืองทรอยเนื่องจากไม่มีผู้ใดรู้ถึงที่ตั้งอันแน่ชัดของเมืองทรอย
อย่างไรก็ตาม สงครามระหว่างกรีกและทรอยนั้นต้องใช้เวลาสู้รบกันยาวนานกว่า 10 ปีด้วยกัน เนื่องจากเมืองทรอยนั้นมีกำแพงเมืองที่แข็งแกร่งยากที่ผู้ใดจะทำลายได้เพราะมีเทพที่ถูกลงโทษทั้ง 2 องค์มาช่วยสร้างไว้ คือเทพอพอลลอนและเทพโพไซดอน
ด้วยเหตุนี้ ในช่วง 9 ปีแรกของสงครามกองทัพกรีกจึงต้องไปโจมตีทำลายเมืองบริวารทั้งหลายของทรอยให้สิ้น เนื่องจากเมืองเหล่านี้คอยส่งอาหารและอาวุธต่างๆให้กับทรอย แต่กองทัพกรีกก็ยังไม่สามารถบุกเข้าไปในเมืองทรอยได้ จนทำให้เหล่านักรบกรีกเริ่มถอดใจ
โอดิสซุสแม่ทัพผู้ปราดเปรื่องของกรีกก็คิดอุบายหนึ่งขึ้นมาได้ ซึ่งเขาสั่งให้สร้างม้าไม้ขนาดมโหฬารขึ้นมา และทำให้ด้านในของม้าไม้นี้กลวงเพื่อที่จะได้นำทหารของกรีกเข้าไปหลบอยู่ด้านใน
เมื่อการสร้างม้าไม้เสร็จสิ้นแล้ว โอดิสซุสและกษัตริย์เมเนลอสพร้อมทหารแห่งกรีกจึงเข้าไปหลบซ่อนอยู่ภายในม้าไม้ที่สร้างขึ้น ก่อนจะสั่งให้เผาค่ายทิ้ง และให้ทหารแสร้งทำเป็นยกกองทัพเรือกลับไป แถมยังทิ้งทหารชื่อ ซินอน เอาไว้ที่เมืองทรอย เพื่อหลอกล่อให้ชาวทรอยหลงเชื่อ
เมื่อชาวทรอยเห็นกองทัพกรีกถอนทัพไปจนหมดสิ้นแล้ว จึงพากันออกมาดูไม้ยักษ์ที่ตั้งตระหง่าน โดยซินอนได้หลอกชาวทรอยว่า เขานั้นถูกกองทัพกรีกทิ้งเอาไว้ให้หลงทางอยู่เพียงคนเดียว ส่วนม้าไม้นี้เป็นเครื่องหมายแห่งชัยชนะ และเป็นการขอบคุณเทพีอาเธนาที่คอยช่วยเหลือ ซึ่งม้าไม้ตัวนี้จะนำพาโชคลาภให้กับเมืองทรอยในกาลต่อไป
ชาวทรอยนั้นต่างหลงเชื่อในคำพูดของซินอน และได้ลากม้าไม้ยักษ์นี้เข้าไปภายในเมือง พร้อมกับเฉลิมฉลองในชัยชนะกันอย่างยิ่งใหญ่
จนในคืนพระจันทร์เต็มดวงคืนนั้นเอง เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนชาวทรอยทั่วทั้งเมืองต่างเมาสุราและหมดสติกันแทบทั้งเมือง ซินอนที่รอคอยเวลานี้จึงได้ไปเปิดให้บรรดาทหารของกรีกออกมาจากม้าไม้ ก่อนจะไปเปิดประตูเมือง ให้กองทัพกรีกที่ยกทัพกลับมาเมืองทรอย พากันกรีธาทัพเข้ามา
กองทัพกรีกจุดไฟเผาเมืองและสังหารชาวทรอยโดยเฉพาะผู้ชายไปเป็นจำนวนมาก และเมื่อสงครามจบลง กรีกได้แบ่งบรรดาผู้หญิงชาวทรอยให้กับทหารและพันธมิตรต่างๆ นำไปเป็นทาส และนั่นก็คือวาระสุดท้ายของเมืองทรอยที่เคยยิ่งใหญ่
ทั้งนี้ ในมหากาพย์เรื่อง โอดิสซีย์ ของโฮเมอร์นั้น ก็คือบันทึกเรื่องราวการเดินทางกลับยังมาตุภูมิของ แม่ทัพโอดิสซุส ผู้คิดสร้างม้าไม้เมืองทรอยภายหลังจากเสร็จสิ้นสงครามเมืองทรอยแล้วนั่นเอง ซึ่งการเดินทางกลับไปยังแผ่นดินเกิดครั้งนี้ต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆมากมาย ทำให้ต้องใช้เวลานานถึง 7 ปี
และนี่ก็คือเรื่องราวอัศจรรย์ ที่อาจจะเป็นเพียงเรื่องเล่าในตำนาน หรืออาจจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงก็ได้ อย่างไรก็ตามสิ่งที่ซ่อนอยู่ในเรื่องราวทั้งหมดกลับมีคุณค่าน่าเรียนรู้ยิ่งนัก ขึ้นอยู่กับว่าคุณผู้อ่านจะเก็บบทเรียนอะไรจากเรื่องนี้ไปได้บ้างเท่านั้นเอง
สำหรับม้าไม้ยักษ์แห่งทรอยน
แต่เมืองทรอยนั้นมีจริง เพราะว่ามีการขุดค้นพบซากเม
โดยเราสามารถเห็นซากกำแพงแล
เมืองทรอยจึงมีอยู่จริง บนฝั่งทะเลใกล้ ๆ ปากช่องแคบดาร์ดะเนลส์ ที่แยกยุโรปกับเอเชียออกจาก
แผนที่ จากกรีซไปก็เดินเรือไกลเหมื
กลับมาเรื่องของสงครามกันบ้
เมื่อไปถึงงาน เทพีอีริสจึงเริ่มแผนสร้างค
ด้วยเหตุนี้ เทพีเฮรา เทพีเอเธนา และเทพีอโฟรไดทีจึงแย่งกันเ
ซึ่งเทพซุสรู้ดีว่าการตัดสิ
เทพีเฮราจึงไปติดสินบนด้วยก
เจ้าชายปารีสเลือกที่จะตัดส
เมื่อไปถึงสปาร์ตา กษัตริย์เมเนลอสต้อนรับเจ้า
ครั้นเมื่อกลับมาและพบว่า พระมเหสีอันเป็นที่รักถูกลั
กองทัพอันยิ่งใหญ่ของกรีกที
อย่างไรก็ตาม สงครามระหว่างกรีกและทรอยนั
ด้วยเหตุนี้ ในช่วง 9 ปีแรกของสงครามกองทัพกรีกจึ
โอดิสซุสแม่ทัพผู้ปราดเปรื่
เมื่อการสร้างม้าไม้เสร็จสิ
เมื่อชาวทรอยเห็นกองทัพกรีก
ชาวทรอยนั้นต่างหลงเชื่อในค
จนในคืนพระจันทร์เต็มดวงคืน
กองทัพกรีกจุดไฟเผาเมืองและ
ทั้งนี้ ในมหากาพย์เรื่อง โอดิสซีย์ ของโฮเมอร์นั้น ก็คือบันทึกเรื่องราวการเดิ
และนี่ก็คือเรื่องราวอัศจรร
chanpa
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น