วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

SAVING PRIVATE RYAN



            SAVING  PRIVATE  RYAN
                                   

  ใครที่คิดจะฆ่าตัวตายแล้วบังเอิญได้อ่านบทความนี้  ให้หยุดความคิดไว้ก่อนนะครับ แล้วลองไปชมภาพยนตร์เรื่อง Saving Private Ryan ก่อนแล้วท่านจะทราบว่าไม่มีชีวิตใดหรอกที่ไร้ค่า และสมควรจะจากโลกนี้ไปโดยที่ยังไม่ได้ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ  ชีวิตใดชีวิตหนึ่งในโลกเรานี้  มีโอกาสได้ทำประโยชน์ต่อผู้อื่นได้ทุกคนทั้งทางตรงและทางอ้อม  เฉกเช่นทหารหาญทั้ง 8 นายที่ได้ร่วมผจญภัยไปกับกัปตัน มิลเลอร์ เพื่อช่วยพล ทหารไรอัน  และยังมีส่วนช่วยให้สัมพันธมิตรมีชัยชนะเหนือนาซี ในสงครามโลกครั้งที่ 2 นี้อีกด้วย

                                            

  หนังเปิดตัวที่ เจมส์ ไรอัน ยามชรากับครอบครัวมาเยี่ยมหลุมฝังศพหนึ่งที่สุสาน Arlington แล้วแฟลชแบคกลับมาที่การยกพลขึ้นบกของสัมพันธมิตรที่ชายฝั่งนอร์มังดีประเทศฝรั่งเศสโดยมมีทหารหน่วยของกัปตันมิลเลอร์เป็นหัวหอกในการบุกทะลวงเข้ายึดหาด โอมาฮาจากทหารเยอรมันเกือบครึ่งชั่วโมงของการยกพลขึ้บก  ผู้ชมจะตกอยู่ในสภาพ "เสมือน" ทหารที่อยู่ในสมรภูมิด้วยระบบเสียงสมบูรณ์แบบในยุคปัจจุบัน และภาพที่สมจริงเหลือเกินที่ทำเอาผมต้องโยกตัวหลบกระสุนไปด้วยทุกครั้งที่ได้ยินเสียงปืน  แล้วก็เกิดอาการตกใจทุกครั้งที่กระสุนพุ่งเข้าหาทหารคนใดคนหนึ่งโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวมาก่อนภาพศพทหารชวนสังเวชแบบต่าง ๆ กันไปรวมทั้งทหารเดินไปมาเก็บแขนเก็บไส้ของตัวเองอยู่กลางสนามรบสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นจริงของสงครามได้เป็นอย่างดี (จนอยากจะเป็นลม)

                                        

  หลังจากยกพลขึ้นบกเป็นผลสำเร็จ  ภารกิจต่อไปของกัปตันมิลเลอร์คือ  การติดตามค้นหาพลทหารเจมส์  ไรอันจากสนามรบเพื่อนำกลับบ้าน  โดยคำสั่งจากนายทหารระดับนโยบายที่เห็นใจครอบครัวไรอันที่ได้สูญเสียบุตรชายไปในสนามรบคราวเดียวกันถึง 3 คน  คำสั่งนี้สร้างคำถามขึ้นในใจของทหารทุกคนในหน่วยว่าอะไรคือความสำคัญที่สุดระหว่างชีวิตของตัวเองกับการทำตามหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมาย เยี่ยงทหารที่ดี หนังได้สร้างภาพของทหารทั้ง 8 นายให้มีลักษณะนิสัยและความสามารถในการรบต่างกันโดยมีจังหวะ และ "ดวง" เป็นเครื่องตัดสินการมีชีวิตรอดอยู่ในสนามรบ  แต่สิ่งเหล่านี้มิได้ตัดสินว่าผู้ใดจะเป็นผู้ชนะในสงคราม   ถ้าไม่มีนายทหารผู้มีความสามารถในเชิง
กลยุทธ และมีจิตวิทยาในการบริหารทหารในหน่วยอย่างกัปตันมิลเลอร์อยู่ด้วย  กัปตันมิลเลอร์ยังเป็นผู้ที่เข้าใจเป้าหมายของการทำสงครามว่า ต้องสร้างความได้เปรียบเพื่อให้เกิดชัยชนะ  มากกว่าแค่การทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จเท่านั้น  ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงหนังของท่านมุ้ย  เรื่อง สารวิน ที่มีอะไรหลายอย่างคล้าย ๆ กันเพียงแต่เปลี่ยนจากทหารเป็นตำรวจ และเปลี่ยนจากพลทหารไรอันเป็นนักค้ายาเสพติด และไม้เถือนเท่านั้นเอง

                                         


  ผมออกมาจากโรงภาพยนตร์ เข้าไปในรถ ปิดประตู แล้วขับออกมาเลย  ไม่เปิดแอร์ เพราะยังหนาวยะเยือกกับภาพสมจริงของสงครามอยู่ ไม่เปิดวิทยุเพราะเสียงของสงครามในหนังเรื่องนี้ยังดังอึงอลอยู่ในหูของผม ส่วนในใจนั้นกลับกลัวมาก กลัวสงคราม ไม่อยากให้สงครามและความขัดแย้งเกิดขึ้นไม่ว่าที่ใดในโลกนี้  เพราะทุกชีวิตเมื่อได้เกิดมาแล้วก็สมควรจะมีสิทธิ์ที่จะได้ใช้ให้คุ้มค่าที่สุดเหมื่อนอย่างที่กัปตันมิลเลอร์กล่าวกับพลทหารไรอันในตอนท้ายของเรื่องให้ "Earn  Your  Life "
นั่นแหละครับ    

                                      
                                          

                       ______________________________________________

                                      Sampan Chanpa

                              

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น