วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

หนังประทับใจที่ผมไม่มีวันลืม



                                         Saving Private Ryan

             [Steven Spielberg]

                                    

  นายทหาร 8 คนจากฝ่ายสัมพันธมิตร ได้รับคำสังจากเบื่องบนให้เข้าไปนำตัวพลทหาร ไรอัน  ออกมาจากสมรภูมิรบที่ห้อมล้อมด้วยพวกเยอรมันกลับไปสู่บ้านที่เหลือเพียงแม่ และขาดพี่ทั้ง 3 คน
ซึ่งเสียชีวิตไปในสนามรบก่อนหน้านี้แล้ว  ท่ามกลางความขัดแย้งในจิตใจที่ถามถึงคว่มจำเป็นที่ต้องเอาชีวิตทหาร 8 คนเข้าไปแลกกับคน ๆ เดียว  แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็สละความโต้แย้งกันเพื่อบรรลุในสิ่งที่เรียกว่าหน้าที่  ไม่ใช่เพื่อเกียรติยศ  แต่เพียงเพื่อหวังจะได้กลับบ้าน

                                           

  เป็นหนังสงครามที่เต็มไปด้วยพลังและความหมายในเชิงปัจเจก ภาพความโหดร้ายทารุณของสงครามถูกนำมาเสนออย่างจงใจ และไม่ประนีประนอม การเคลื่อนไหวกล้องแบบมือถือเปี่ยมไปด้วยประสิทธภาพ  สั่นไหวทว่าทรงพลังทุกเม็ดกระสุน และเสียงปืนกลนำมาซึ่งความเจ็บปวดและสูญเสีย  ฉากการรบตรึงคนดูให้อยู่ในภวังค์แห่งความหวาดกลัว และหัวเสีย  หนังไม่ได้แสดงให้เห็นถึงวีรกรรมอย่างเชิดชูความห้าวหาญ  แต่กลับแสดงให้เห็นถึงความหวันเกรงความไม่แน่ใจของเหล่านายทหาร กระทั้งผู้นำของกลุ่มอย่างผู้กอง มิลเลอร์ ที่มุ่งมั่นในหน้าที่่ก็ไม่ใช่เพราะเพื่อชัยชนะหรือเพื่อวีรกรรม แต่เพื่อผลตอบแทนคือการได้กลับจากสงครามสู่บ้านอันอบอุ่น  นี่คือการแสดงให้เห็นถึงความเหลวไหลไร้สาระของสงครามอย่างชัดแจ้ง

                                                     


  ดูหนังเรื่องนี้แล้วทำให้นึกถึง Seven Samurai  ของ คุโรซาว่า  มีอย่างน้อยสองตอนที่มีความคล้ายคลึงกันเหมือนรับอิทธิพลมา  หนึ่งฉากคือการฝังศพนายทหารที่เสียชีวิตไปในระหว่างการตามหาไรอันกับฉากฝังศพซามูไรผู้พลีชีพในการทำสงครามกับเหล่าโจร  ภาพแสงและเงาของผู้ที่ยังอยู่ ยืนห้อมล้อมไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต  เห็นแล้วทำให้นึกเปรียบเทียบขึ้นมาทันที  สองคือ สถานการณ์สู้รบตอนท้ายเรื่องเหล้าทหารตั้งป้อมในเมืองร้างรอพวกเยอรมันบุกเข้ามา  เฉกเช่นเดียวกับพวกซามูไรที่ตั้งค่ายในหมู่บ้านรอเผด็จศึกพวกกองโจร  ไม่แปลกใจเลยว่าอิทธิพลของ
คุโรซาว่าที่มีต่อ สปิลเบิร์ก นั้นลึกซึ้งเพียงใด 

                                            

                             _________________________________________

                                                         Sampan Chanpa

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น