Saving Private Ryan
[Steven Spielberg]
นายทหาร 8 คนจากฝ่ายสัมพันธมิตร ได้รับคำสังจากเบื่องบนให้เข้าไปนำตัวพลทหาร ไรอัน ออกมาจากสมรภูมิรบที่ห้อมล้อมด้วยพวกเยอรมันกลับไปสู่บ้านที่เหลือเพียงแม่ และขาดพี่ทั้ง 3 คน
ซึ่งเสียชีวิตไปในสนามรบก่อนหน้านี้แล้ว ท่ามกลางความขัดแย้งในจิตใจที่ถามถึงคว่มจำเป็นที่ต้องเอาชีวิตทหาร 8 คนเข้าไปแลกกับคน ๆ เดียว แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็สละความโต้แย้งกันเพื่อบรรลุในสิ่งที่เรียกว่าหน้าที่ ไม่ใช่เพื่อเกียรติยศ แต่เพียงเพื่อหวังจะได้กลับบ้าน
เป็นหนังสงครามที่เต็มไปด้วยพลังและความหมายในเชิงปัจเจก ภาพความโหดร้ายทารุณของสงครามถูกนำมาเสนออย่างจงใจ และไม่ประนีประนอม การเคลื่อนไหวกล้องแบบมือถือเปี่ยมไปด้วยประสิทธภาพ สั่นไหวทว่าทรงพลังทุกเม็ดกระสุน และเสียงปืนกลนำมาซึ่งความเจ็บปวดและสูญเสีย ฉากการรบตรึงคนดูให้อยู่ในภวังค์แห่งความหวาดกลัว และหัวเสีย หนังไม่ได้แสดงให้เห็นถึงวีรกรรมอย่างเชิดชูความห้าวหาญ แต่กลับแสดงให้เห็นถึงความหวันเกรงความไม่แน่ใจของเหล่านายทหาร กระทั้งผู้นำของกลุ่มอย่างผู้กอง มิลเลอร์ ที่มุ่งมั่นในหน้าที่่ก็ไม่ใช่เพราะเพื่อชัยชนะหรือเพื่อวีรกรรม แต่เพื่อผลตอบแทนคือการได้กลับจากสงครามสู่บ้านอันอบอุ่น นี่คือการแสดงให้เห็นถึงความเหลวไหลไร้สาระของสงครามอย่างชัดแจ้ง
ดูหนังเรื่องนี้แล้วทำให้นึกถึง Seven Samurai ของ คุโรซาว่า มีอย่างน้อยสองตอนที่มีความคล้ายคลึงกันเหมือนรับอิทธิพลมา หนึ่งฉากคือการฝังศพนายทหารที่เสียชีวิตไปในระหว่างการตามหาไรอันกับฉากฝังศพซามูไรผู้พลีชีพในการทำสงครามกับเหล่าโจร ภาพแสงและเงาของผู้ที่ยังอยู่ ยืนห้อมล้อมไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต เห็นแล้วทำให้นึกเปรียบเทียบขึ้นมาทันที สองคือ สถานการณ์สู้รบตอนท้ายเรื่องเหล้าทหารตั้งป้อมในเมืองร้างรอพวกเยอรมันบุกเข้ามา เฉกเช่นเดียวกับพวกซามูไรที่ตั้งค่ายในหมู่บ้านรอเผด็จศึกพวกกองโจร ไม่แปลกใจเลยว่าอิทธิพลของ
คุโรซาว่าที่มีต่อ สปิลเบิร์ก นั้นลึกซึ้งเพียงใด
_________________________________________
Sampan Chanpa
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น