1 ต่อ 7 ฉบับเดิม ๆ และความเป็นมา
เกือบ
50 ปีมาแล้ว ที่ตัวละครเข้าขั้นคลาสสิกอย่างจ่าดับ
ถือกำเนิดขึ้นมาในโลกภาพยนตร์(ไทย)
ด้วยการรังสรรค์ปั้นแต่งจากปลายปากกาของบุคคลที่ได้ชื่อว่า
"บรมครูแห่งวงการหนังไทย" ผู้ล่วงลับ อย่าง ป๋า ส.อาสนจินดา
และหากไล่เรียงถึงความเป็นมาของจ่าดับ จำเปาะ แล้วล่ะก็
คงต้องย้อนกลับไปไกลถึง พ.ศ. 2500 โน่นเลยทีเดียว
สำหรับการปรากฏโฉมครั้งแรกในหนัง 1 ต่อ 7.ชื่อของจ่าดับ จำเปาะและผองเพื่อน
ไม่ว่าจะเป็น หมัด เชิงมวย, ตังกวย แซ่ลี้, อัคคี เมฆยันต์, ดั่น มหิธา,
กล้า ตะลุมพุก, จุก เบี้ยวสกุล ก็กลายเป็นวีรบุรุษของคนไทย
(เฉพาะในหนัง)และเป็นตัวละครที่ ป๋า ส. รักมากที่สุด นับจากนั้นมา.
ด้วยความสำเร็จของหนังเรื่องนี้ จึงมีการสร้างภาคต่อตามมาอีกเรื่อยๆ
ร่วมสิบตอน เรียกได้ว่าหลังจาก พ.ศ. 2500 เป็นต้นมา
เรื่องราวการผจญภัยของจ่าดับและผองเพื่อน
ก็จะออกมาโลดแล่นบนจอภาพยนตร์ให้คอหนังได้สนุกสนานเฮฮากันเกือบจะทุกๆ ปี
ถึงแม้จะมีการเปลี่ยนชื่อหนังไปในแต่ละภาค
แต่ละตัวละครยังคงเป็นจ่าดับคนเดิม และอาจจะมีบ้างที่ในบางภาคบางตอน
ผองเพื่อนบางคนอาจจะหายไป แต่ตัวละครจ่าดับนั้นยังคงอยู่
|
|||
นี่เป็นตอนแรกของภาพยนตร์เรื่อง 1 ต่อ 7 ที่ป๋าส.สร้างมาจากความเคืองแค้นโรงภาพยนตร์อันเนื่องมาจาก หนังตั้งใจสร้างอย่าง พ่อจ๋า ที่ฉายโรงภาพยนตร์แกรนด์ โดนกลั่นแกล้ง หนังดีกำลังทำเงินแต่โดนออกจากโรง ขณะหนังอีกเรื่อง สุภาพบุรุษสลึมสลือ หนังบู๊ไม่ได้บรรจงสร้างเหมื่อนพ่อจ๋ากลับทำเงิน จนเจ้าของโรงพัฒนากร ให้เงินก้อนหนึ่ง ให้ป๋า ส.ไปสร้างหนังบู๊มาเข้าช่วงเทศกาลตรุษจีน 2501 เรื่องนี้ป๋า ส. สร้างแบบไปตายเอาดาบหน้า เดินทางไปหาดใหญ่ โดยยังไม่มีพล๊อตเรื่อง ให้ลูกน้องคู่ใจ สังเวียน หาญบุญตรงประสานดารา ได้อดุลย์/วิไลวรรณ/วิภา/ทม(พระเอกคู่บุญของส.ตั้งแต่เรื่องสุภาพบุรุษสลึมส ลือ) สมชาย ตันฑกำเนิด และอีกหลายคน โดยงานนี้มีพระเอกอย่างสุรสิทธิ์ ขอเล่นด้วยแต่มีข้อแม้อยากเล่นเป็นตัวร้ายของเรื่อง ขึ้นรถไฟไปด้วยกันอย่างไร้จุดหมาย จนถึงหาดใหญ่จึงได้ชื่อเรื่อง 1 ต่อ 7 ส่วนชื่อพระเอกก็มาจากการที่ป๋า ส.ชอบบทประพันธ์ของ อรวรรณ ในเรื่อง อกสามศอก ที่ชื่อพระเอกคล้องจองกันมี มิตร เมืองแมน ,แสน สุรศักดิ์,กรด แก้วสามสี,ปลิว ปานทอง และวิง ไกรลาศ ตรงนี้จึงเกิดแรงบันดาลใจให้ ป๋า ส.ตั้งชื่อพระเอกทั้ง 7 คนให้สอดคล้องกัน เป้น จ่าดับ จำเปาะ เหมาะ เชิงมวย ตัวกวย แซ่ลี้ อัคคี เมฆยันต์ ดั้น มหิตรา กล้า ตะลุมพุก จุก เบี้ยวสกุล หลังหนังออกฉษยปรากฎว่ากวาดรายได้เกินหลักล้าน งานนี้ทำเอาป๋า ส.ส่ายหัวเลย ทำหนังแบบตั้งใจไม่ได้สตางค์ แต่ทำหนังแบบคิดลวก ๆ กลับได้สตางค์ แล้วนับแต่นั้นป๋า ส.ก็เลยหากินกับ 1 ต่อ 7 ตลอดมา อย่างตอนต่อเรื่อง นักเลงเดียว 7 ตะลุมบอน เจ็ดประจัญบาน เป็นต้น เรื่องนี้เข้าฉายเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2501 ที่โรงภาพยนตร์พัฒนากร | เรื่องนี้เข้าฉายเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2501 ที่โรงภาพยนตร์พัฒนากร |
||
ถ้าพูดถึง หนังเรื่อง 1 ต่อ 7 ในยุคทองของหนังบู๊(2518-2520) ชื่อ กรุง-สรพงษ์ ก็ครองตลาดไม่แพ้ คู่ สมบัติ-นาท มีพระเอกเพียง 4 คนเท่านั้น ในช่วง 3 ปีนี้ ที่ขายสายได้ แต่ดูเหมือนคู่ กรุง-สรพงษ์ จะมีหนังออกมามากกว่าคู่ของ สมบัติ-นาท,สมบัติ-กรุง,กรุง-นาท มากนัก 3 ปี ประกบกันกว่า 40 เรื่องได้ ภาพนี้ จากหนังเรื่อง " 1 ต่อ 7 " สร้างกลางปี 2519 ฉายต้อนรับตรุษจีน ก.พ.2520 ก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก จากการสร้างของสหมงคลฟิลม์ กำกับโดยบุรุษเหล็กแห่งวงการ ส.อาสนจินดา(เคยประสบความสำเร็จจากหนังชุดนี้มาแล้วเมื่อช่วง 2501-2511) จนต้องมีการสร้างภาค 2 ต่อทันที ในชื่อว่า " 7 ประจัญบาน" ทีมงานชุดเดิม ฉายปลายปี 2520 ก็ได้รับความสำเร็จเช่นกัน ทักษิณ แจ่มผล เป็น จ่าดับ จำเปาะ ลักษณ์ อภิชาติ เป็น เหมาะ เชิงมวย ศรีไพร ใจพระ เป็น ตังกวย แซ่ลี้ กรุง ศรีวิไล เป็น อัคคี เมฆยันต์ สรพงษ์ ชาตรี เป็น ดั่น มหิทธา นิรุตติ์ ศิริจรรยา เป็น กล้า ตะลุมพุก สายัณห์ จันทรวิบูลย์ เป็น จุก เบี้ยวสกุล |
|||
ส่วน หนังเรื่อง 1 ต่อ 7 เมื่อช่วง 2501-2511 ที่เห็นๆ มีดังนี้ครับ หนึ่งต่อเจ็ด (2501) นักเลงเดี่ยว (2501) เจ็ดแหลก (2501) สิบสองนักสู้ (2502) ชื่ออื่น... สิบสองมือปืน เจ็ดประจัญบาน (2506) ชุมทางหาดใหญ่ (2509) ชื่ออื่น... หนึ่งต่อเจ็ด ตอนใหม่ 1 ต่อ 7 ประจัญบาน (2510) หาดใหญ่ใจสู้ (2512) |
|||
นักเลงเดี่ยว (2501) เรื่องนี้เป็นตอนที่ 2 ของการสร้างภาพยนตร์เรื่อง 1 ต่อ 7 ชื่อเรื่องว่า นักเลงเดี่ยว ภาพที่เห็นคือ ส. อาสนจินดาในบท จ่าดับ จำเปาะ กับ อดุลย์ ดุลยรัตน์ ในบทดั้น มหิตรา ส่วนผู้หญิงที่นอนคือวิไลวรรณ นางเอกของเรื่อง 1 ต่อ 7 ตอน นักเลงเดี่ยว นี้ พระเอกของเรื่องคือ ทักษิณ แจ่มผล รับบทเป็นน้องชายแท้ ๆ ของ จ่าดับ จำเปาะ ที่แยกกันตั้งแต่เล็กเลยจำกันไม่ได้ เกิดรักผู้หญิงคนเดียวกันกับพี่ชายคือวิไลวรรณ ซึ่งชื่อของทักษิณในเรื่องก็คือ เดี่ยว จำเปาะ ลูกทัพบกที่ปลอมตัวเป็นนักเลงเหมือนพี่ชาย ทำงานใต้ดินเหมือนกัน นอกจากนี้ ยังมีน้องชายฝาแฝดของเหมาะ เชิงมวย คือหมัด เชิงมวย ที่เดิมตั้งใจจะมาแก้แค้นจ่าดับ จำเปาะ เข้าใจว่าจ่าดับเป็นคนทำให้พี่ชายตนเองตาย สุดท้าย ทั้งเจ็ดก็รวมตัวกันได้อีกครั้ง หลังเหมาะ เชิงมวย ตายไปในภาคแรก ก็ได้หมัด เชิงมวยมาแทน นักเลงเดี่ยว ออกฉายปีเดียวกับ 1 ต่อ 7 ในปลายปี 2501 ภาพนี้เป็นฉากท้ายเรื่องที่จ่าดับกับดั้น มาช่วยวิไลวรรณ ออกจากที่คุมขัง ขณะที่ผู้หมวดเดี่ยวได้นำทหารออกต่อสู้กับเหล่าพร้อมด้วยหมัด เชิงมวย ตังกวย แซ่ลี้ อัคคี เมฆยันต์ กล้า ตะลุมพุก และจุก เบี้ยวสกุล ผมเลยนำภาพและเรื่องราวโดยย่อมาฝากให้นึกถึงกัน |
|||
เรื่อง สิบสองนักสู้ (2502) ทีแรกหนังเรื่องนี้ชื่อ สิบสองมือปืน นำแสดงโดย อดุลย์-ส.อาสนจินดา-ชรินทร์-วิไลวรรณ-วิภา-สุระ-สง่า -ศรินทิพย์-อดินันท์-สุเทพ-อาคม สร้างโดย วิจิตรภาพยนตร์ โดย วิจารณ์ ภักดีวิจิตร กำกับการแสดงโดย ส.อาสนจินดา เข้าโปรแกรมฉายวันที่ 25 ธันวาคม 2502 ที่โรงหนังเอ็มไพร์ และ พัฒนากร ภาคนี้ มีแค่ จ่าดับ จำเปาะ, ตังกวย แซ่ลี้, ดั่น มหิทธา ส่วนที่เหลือก็อีก 9 คน รวมเป็น 12 ทีแรกตอนชื่อ สิบสองมือปืน มีกำหนดจะฉายวันที่ 17 กรกฎาคม 2502 ที่โรงหนัง เอ็มไพร์-พัฒนากร แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงต้องเลื่อนและมีการเปลี่ยนชื่อ.. ตอนที่คุณสมชาย ศรีภูมิ มาลานดารา ท่านก็บอกว่า เรื่องนี้ท่านก็แสดงด้วย ส่วนหนังนั้น หาดูไม่ได้แล้วครับ |
|||
เจ็ดประจัญบาน (2506) นำแสดงโดย มิตร ชัยบัญชา, คริสติน เหลียง, รุจน์ รณภพ, ทักษิณ แจ่มผล, ส.อาสนจินดา, อาคม มกรานนท์, สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม, ทองฮะ วงศ์รักไทย ร่วมด้วย ปันใจ นาควัฒนา, สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์, กัณฑรีย์ นาคประภา, สุวิน สว่างรัตน์, สิงห์ มิลิราศรัย, จำนงค์ คุณะดิลก, ถวัลย์ คีรีวัตน์, ล้อต๊อก, เทียว ธารา และ 3 ดาราจากต่างประเทศ คือ คริสติน เหลียง จาก ฮ่องกง, มิสจางเซฟาง จาก ไต้หวัน, มิสลินดา จาก ญี่ปุ่น กำกับโดย ส.อาสนจินดา ถ่ายภาพโดย ฉลอง ภักดีวิจิตร บริษัทผู้สร้างโดย วัชรภาพยนตร์ เข้าฉายเมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2506 ที่โรงภาพยนตร์คาเธ่ย์ ต้อนรับวันตรุษจีน เป็นต้นฉบับของ เจ็ดประจัญบาน รุ่นต่อๆมา มีนักแสดงนำทั้ง 7 ได้แก่ .. จ่าดับ จำเปาะ - ส.อาสนจินดา เหมาะ เชิงมวย - ทักษิณ แจ่มผล ตังกวย แซ่ลี้ - ทองฮะ วงศ์รักไทย อัคคี เมฆยันต์ - อาคม มกรานนท์ ดั้น มหิทธา - มิตร ชัยบัญชา (ก่อนหน้านั้นคือ อดุลย์) กล้า ตะลุมพุก - รุจน์ รณภพ จุก เบี้ยวสกุล - สุคนธ์ คิ้วเหลี่ยม |
|||
เจ็ดประจัญบาน (2506) ต้นตำหรับของหนึ่งในตำนานหนังบู๊ของไทย ผลงานกำกับของ ส.อาสนจินดา ซึ่งร่วมแสดงในบทจ่าดับ จำเปาะ
ภาพชัดหน่อย ครับ ค้นหาเจอ จาก: เจ็ดประจัญบาน (2506) |
|||
( 1 ต่อ 7 ตอน )
นักเลงเดี่ยว ตำบลชายแดนแห่งหนึ่ง เรียกว่าบ้านชนแดน อันเป็นถิ่นเกิดและที่ทำมาหากินของจ่าดับ จำเปาะ(ส. อาสนจินดา) ทหารเก่า กำลังลุกเป็นไฟด้วยความเดือดร้อน เมื่ออ้ายเสือโทน(สังเวียน หาญบุญตรง) พ่ออ้ายเสือทิม(เมืองเริง ปัทมินทร์) อ้ายเสือทอม(สุวิทย์ เทียมเมศ) ลูกและเสือทัพ(เทียนชัย สุนทรการันต์) น้องชาย เข้าไปตั้งถิ่นโจรอยู่ในป่าลึกแดนต่อแดน จ่าดับ จำเปาะ หลังจากที่ไปช่วยหกสหายปราบ 7 ผู้ร้ายที่หาดใหย่มาแล้ว เขากลับมาบ้านต้องพบกับความรันทดแสนสาหัส เมื่อเมียรักของเขาคลอดลูกตายทั้งกลม จ่าดับคำนึงถึงความเป็นนักเลงมือปืนของเขา คงจะก่อเป็นกรรมเก่าสนองเขา ให้ได้รับความโทรมนัสเช่นนี้ จึงได้ลาออกจากหน้าที่กำนัน ไปใช้ชีวิตเป็นชาวไร่ กำนันคนใหม่ที่รับตำแหน่งจากจ่าดับคือ สวน(ล้อต๊อก)มีลูกสาว 2 คนคือ ชะเอม(วิภา วัฒนธำรงค์) นิสัยเรียบร้อย เสงี่ยมเจียมตัว น้องสาวชื่อ อ้าย(พะเยาว์ สาริกบุตร) เป็นคนชอบฟุ้งเฟ้อ หรูหรา อีกคนหนึ่งเป็นลูกเลี้ยงชื่อ ชะอม(จันตรี สาริกบุตร) สำหรับอ้อยความที่เป็นสาวปราดเปรียว จึงเป็นที่หลงรักของ เจ้าเด่น(พงศ์ศิริ เพียงพรหม) ซึ่งเป็นน้องชายคนสุดท้องของจ่าดับ แต่เจ้าเด่นเป็นหนุ่มลูกทุ่งที่เซ่อซ่า ขี้ขลาดตาขาว จึงหาเป็นที่รักใคร่ชอบพอของอ้อยไม่ แทนที่อ้อยจะรับรักหนุ่มบ้านเดียวกันกลับ ไม่มีจิตรพิศมัยกับอ้ายเสือทอม ซึ่งเป็นอ้ายเสือรูปงาม บ้าบิ่นจนกระทั่งหนีตามอ้ายเสือทอมข้ามเขตต์แดนไป แต่แล้วอ้อยก็ต้องหนีเตลิดกลับมา เพราะไปเห็นสภาพความกักขระโสมม ของบรรดาอ้ายเสือร้าย สี่พ่อลูกพี่น้อง นั้น นับแต่วันที่อ้อยหนีไป เจ้าเด่นไปนั่งเศร้าเฝ้าคอยหาสาวคนรัก อยู่ในป่าชายเขตต์แดนทุกคืนวัน ไม่เป็นอันกินอันนอน ฉะนั้นเมื่ออ้อยหนีกลับ เด่นจึงยินดีที่จะช่วยพากลับ เด่นพาอ้อยไปที่บ้านพ่อบ้านแม่ซึ่งอยู่ในป่านอกเขตต์แดนไทย ขอยืมม้าพาสาวรักหนีไป ผลกรรมนี้ตกอยู่กับพ่อและแม่ของเด่น เมื่อสี่อ้ายเสือตามพบรอยม้ามันจึงฆ่าพ่อของเด่นตาย และให้อ้ายทิมคุมแม่ของเด่นไว้ อีก 3 เสือขี่ม้าบุกเข้าบ้านชนแดน ฆ่าชาวบ้านดะไป จนกระทั่งมาพบจ่าดับ ที่ไม่ยอมให้ 3 เสือร้ายก้าวล้ำฝ่านเข้าไปได้อีก สามเสือร้าย อ้ายโทน อ้ายทอม อ้ายทัพ เผชิญหน้ากับจ่าดับ เสือเก่าซึ่งไม่ยอมถอย จ่าดับจำต้องชักปืนออกมาดวลกับเสือโทนตัวต่อตัว แต่ศรศิลปนอกจากจะไม่กินกันแล้ว ยังกินกันไม่ลงอีกด้วย ต่างถูกกระสุนที่มือพร้อมๆกัน ปืนหลุดมือทั้งคู่ อย่างไรก็ตาม แม้เสือโทนจะเรียกร้องขอตัวอ้อยกลับไปให้เสือทอมลูกชาย แต่จ่าดับก็ยืนยันอย่างนักเลงว่า ตราบใดที่ชีวิตตนยังไม่สิ้น จะไม่ยอมที่แม้แต่หมาขี้เลื้อนตัวเดียวของบ้านชนแดนแก่เสือโทนเป็นอันขาด อย่างมีเลศนัย เสือโทนขอสัญญาแลกกันกับจ่าดับและกำนันสวนว่า ตนไม่ติดใจที่จะเรียกตัวนังอ้อยคืน และตนเองจะไม่ลุกล้ำเขตต์ เข้ามากระทำตนเป็นจ้าวนักเลงอีก หากแต่กำนันสวนและจ่าดับจะต้องให้สัญญาว่า นับแต่นี้เป็นต้นไปชาวบ้านชนแดน คนใดก็ล้ำเขตต์เข้าไปในป่าของตนไม่ได้ จะต้องไม่ยอมให้นักเลงจรคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำรวจหรือสายลับล่วงล้ำเข้ามาภายในเขตต์บ้านชนแดน และจ่าดับจะเรียกลูกทัพบกคู่ใจที่เหลืออีก 5 คนเข้ามาไม่ได้เป็นอันขาด มิฉะนั้นแล้วตนจะพาพวกโจรบุกเข้ารังควาน จ่าดับไม่อาจจะรับคำได้ เพราะในเขตต์ป่าที่เหล่าร้ายหวงห้าม ยังมีบ้านพ่อ แม่ ของตนอยู่แต่กำนันสวนมีความเห็นแก่ตัวเป็นเอก กลับประณามจ่าดับว่า ถ้าไม่ยอมรับก็เท่ากับจ่าดับเห็นแก่พ่อแม่ของตนเท่านั้น ไม่เห็นแก่สวัสดิภาพของชาวบ้านนับพัน อย่างนี้ก็เท่ากับโอนตำแหน่งกำนันมาต้มให้แกรับภาระ อุจาระเต็มกางเกง คนเดียว หลังจากที่เสือโทนและบรรดาพวกได้สัญญามั่นเหมาะจากกำนันสวนไปแล้ว ในวันสงกรานต์ของบ้านชนแดน ขณะที่ชาวบ้านกำลังสนุกสนานอยู่กับการแห่นกปล่อยปลา การณ์ก็ปรากฏว่า มีนักเลงเดี่ยวคนเดียวคนหนึ่ง คนแปลกหน้าล่วงล้ำแบบทะเล่อทะล่าเข้ามาในหมู่บ้านชนแดน นักเลงเดี่ยวคนนั้น(ทักษิณ แจ่มผล)มาในลักษณะของคนสติไม่เต็ม แต่หมอเป็นคนไวและหมัดหนักชะมัด ฉะนั้นเมื่อกำนันและพวกเข้าไปทำร้ายขับไล่ จึงถูกหมอตอกหน้ากลับ จนล้มลุกคลุกคลานและตกน้ำตกท่าไป นอกจากเก่งในเชิงมวย นักเลงคนนั้น ยังความหมื่นทะลึ่ง กับผู้เป็นเอก และเป็นเหตุให้อ้อยต้องวิ่งไปลากมือ เจ้าเด่นคู่รักมาคะยั้นคะยอให้ต่อยหน้านักแปลกหน้าให้ได้ แต่แล้วผลปรากฏว่า เด่นกลายเป็นกระสอบทรายให้ นักเลงแปลกถิ่นซ้อมมวยไปอย่างน่าสงสาร ชะเอมเข้าช่วยก็ถูกจูบตอบแทน ชะเอมเข้าทุบตีก็ก็จะพลอยถูกปล้ำ จนกระทั่งนักเลงคนนั้นได้เผชิญหน้ากับจ่าดับ การต่อสู้ระหว่างนักแปลกหน้ากับจ้าวถิ่นได้เป็นไปอย่างดุเดือด ผลก็คงเดิมจ่าดับลงไปนอนเป่าฝุ่นเสียศักดิ์ศรีอย่างสิ้นเชิง ขณะที่เหลี่ยมนักเลงของจ่าดับถูกลบ เป็นเวลาเดียวกับที่ เสือโทน เสือทอม เสือทิม และเสือทัพ ขี่ม้ามาถึง มันทั้ง 4 จึงได้หัวเราะเยาะจ่าดับได้ทันเวลา มิหน่ำซ้ำช่วยกันรุมซ้ำเติมจ่าดับอย่างทารุณ จนนักเลงเดี่ยวคนนั้นทนดูไม่ได้ ขณะที่เสือทอม เสือทิมรุมซ้อมจ่าดับ เสือโทน เสือทัพ จะลอบยิงจ่าดับ นักเลงแปลกหน้าคนนั้นจึงช่วยยิงสกัดไว้ และเขาเองเข้าเสนอตัวรับมือสู้กับเสือทิม เสือทอม แบบ 2 ต่อ 1 อย่างทรหด จนสองเสือพี่น้องสิ้นลาย สี่เสือกลับเข้าป่าอย่างอาฆาตแค้น ขณะเดียวกันความกล้าหาญของนักเลงแปลกหน้าที่มีฝีมือเหนือกว่า จ่าดับ จำเปาะได้ระบือไปทั่วบ้าน เขาเริ่มเป็นที่เอ็นดูของชะเอมและเป็นที่ชอบพอของอ้อย ในคืนนั้นชะเอมแอบไปเอาเสื้อผ้าของพ่อไปให้นักเลงจรคนนั้นเปลี่ยน เธอเป็นห่วงว่าเขาจะถูกทำร้าย เวลานั้นความเก่งของเขากำลังเป็นภัยแก่หมู่บ้าน เพราะเขาคนเดียวจะต้องเป็นเหตุให้พวกเสือโทนมารุกรานหมู่บ้านอีกใครๆก็อยาก ขับไล่เขาออกไป ความอารีของชะเอม ได้รับความรักจากชายชาตรีผู้นั้นตอบแทน แต่ขณะที่คนทั้งสองจะเข้าใจในรัก อ้อยก็เข้ามาเป็นมารขวาง อ้อยสกดรอยตามพี่สาวมา เพื่อจะเก็บเอาความอารีต่อชายที่พ่อถือว่าเป็นศัตรูผู้นี้ไปฟ้องพ่อ นักเลงเดี่ยวผู้นั้นจึงสร้างความรักจอมปลอมขึ้นกับอ้อยด้วยชั้นเชิงของเสือ ผู้หญิง เขาแกล้งทำเป็นเข้าใจว่าอ้อยคือชะเอม และพร่ำพรรณารักที่มีต่อชะเอมกับอ้อยเอง แล้วฝากจูบไปให้อ้อยด้วย อ้อยหลงเชื่อตายใจสนิทคิดว่าตนชนะพี่สาว เก็บเอาความรักที่นักเลงเดี่ยวผู้นั้นพร่ำเพ้อถึงตนมาเป็นความอบอุ่นชื่นใจ ของตนอยู่คนเดียว คืนนั้นเสือโทนใช้พวกมาลอบทำร้ายนักเลงเดี่ยวผู้นั้น ด้วยอาวุธปืนและระเบิดมือแต่กลับถูกซ้อนกลพ่ายกลับไป โจรชายแดน ทั้ง 4 เดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง ความมุ่งหมายของมันเกินแค้น มันต้องการจะเก็บนักเลงแปลกหน้าคนนี้ให้ได้ จึงปักป้ายไว้กลางตลาด ฉะนั้นแล้ววันรุ่งขึ้นพวกมันนับสิบจะเข้าทลายหมู่บ้าน คนทั้งหมู่บ้านตกอยู่ในสภาพฝันร้าย ไม่มีใครมีปัญหากล้าไล่นักเลงแปลกหน้าคนนั้นออกไปได้ และไม่มีใครมีปัญญาจะคิดต่อต้านกับพวกเสือโทน ในวันรุ่งขึ้นแม้กระทั่งจ่าดับ จำเปาะก็ผละจากตำแหน่ง “จ้าวถิ่น” ไปอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ เพราะเขามีใจอยู่กับชะเอม แต่บัดนี้ชะเอมมอบรักให้แก่นักเลงแปลกหน้าเสียแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม รุ่งอรุณวันใหม่มาถึง เหล่าร้ายนับสิบๆหลั่งไหลจากป่าเข้ามาในหมู่บ้าน ด้วยเหลี่ยมนักเลงและชั้นเชิงนักสู้ที่เหนือกว่า นักสู้เดี่ยวๆคนนั้น ก็กระทำการดังปฏิหาริย์ เขาคนเดียวสามารถต่อต้านเหล่าร้ายนับสิบเหล่านั้น ถอยร่นเข้าป่าไปอย่างเป็นระเบียบ แต่ถึงเขาเก่งเพียงไร ก็ไม่ยิ่งไปกว่าเทวดาขณะนั้น ที่เขายังสู้กับเหล่าร้ายและกำลังจะถูกลอบยิงข้างหลัง จ่าดับ จำเปาะซึ่งแอบดูพฤติกรรมของเขาอยู่ได้ช่วยชีวิตเขาไว้ได้ เมือเขาขอบคุณจ่าดับ จำเปาะ จ่าดับก็บอกปัดนักเลงเดี่ยว แบบไว้เชิงว่า หายกัน เพราะครั้งหนึ่งนักเลงแปลกหน้าก็เคยช่วยชีวิตเขา ในที่สุดวันสำคัญก็มาถึง คืนนั้นนักเลงแปลกหน้าลอบเข้าไปในป่าเขตต์ชายแดน จ่าดับได้สกดรอยตาม ชะเอมกับชะอมตามจ่าดับไปอีกทีหนึ่ง เพราะคิดว่าจ่าดับจะเล่นสกปรกตามฆ่าชายคนรักของเธอ อ้อยอีกคนหนึ่งบัดนี้ได้ทราบความจริงแล้วว่า เธอถูกหลอกลวง นักเลงคนนั้นรักชะเอมไม่รักคนด้วยความแค้นของเด็กสาว ทำให้อ้อยกระทำการอันไร้สติ เธอหนีออกจากบ้านจะเตลิดกลับไปหาเสือทอมคู่รักเก่าอีก พอดีจ่าดับได้ทราบความจริงจากชาวบ้านว่า พ่อของตนถูกฆ่าตายเป็นศพอยู่หน้าบ้าน ศพแม่ของตนหายไป แต่มีเสียงปีศาจร้องโหยหวลอยู่ในบ้านร้างอันเป็นของพ่อแม่เขา หากใครเข้าใกล้บ้านนั้นจะถูกมือลึกลับยิงออกมา จ่าดับรีบรุดไปที่บ้านผู้ให้กำเนิดของตน ระหว่างทางเข้าได้เห็นเครื่องบินลำมหึมากำลังปล่อยร่มลงมา เมื่อจ่าดับเข้าไปถึงหลุมฝังศพพ่อ เขาได้พบนักเลงคู่อาฆาตคนนั้น นั่งร้องไห้อยู่ที่หลุมฝังศพพ่อ เขาจะขับไล่ ก็เผอิญได้เห็นบนบ้านของเขามีพวกเหล่าร้ายอยู่ มีเสียงแส้ มีเสียงร้องครวญครางของปีศาจแม่ของเขาครวญครางอย่างที่ชาวป่าว่า ทั้งเขากับนักเลงแปลกหน้า เลยช่วยกันเสี่ยงชีวิตเข้าไปทำลายเหล่าร้ายในบ้าน ที่นั่นเขาได้พบแม่ของเขายังไม่ตาย แต่ถูกจับเข้าขื่อคา ทรมานด้วยการเฆี่ยนตีจนแม่เขาเกือบจะสิ้นใจอยู่แล้ว จ่าดับเข้าไปปลดพันธนาการให้แม่ แก่เห็นนักเลงแปลกหน้าก็พยายามพูด แต่แล้วแกก็สิ้นลมเสียก่อน นักเลงคนนั้นเรียกแม่ของจ่าดับว่าแม่ แล้วเปิดเผยความจริงว่า คนเป็นลูกคนกลาง เขาเป็นน้องชายของจ่าดับ จำเปาะ คนที่เกเรที่สุด ซึ่งขโมยเงินพ่อแม่จนหมดตัวหนีไปเกะกะอยู่ในกรุงเทพฯ และเขาชื่อ เดี่ยว จำเปาะ ถึงกระนั้นก็ตาม จ่าดับก็ยังไม่ปลงใจเชื่อ และไม่ยอมให้เดี่ยวทำแม้แต่จะกราบหลุมศพแม่ให้เป็นเสนียด ครั้นเดี่ยวดึงดันจะทำจ่าดับจึงขัดขวาง ด้วยหมัดมวย แต่ก่อนที่ทั้งสองจะรู้ดำรู้แดง ก็ถูกขัดขวางการต่อสู้จากคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งแต่งด้วยชุดดำทั้งชุด คนแปลกหน้านั้นมาด้วยกัน 5 คน พอเปิดหน้า จ่าดับจึงได้พบว่า คนทั้งห้านั้นก็คือเพื่อนเก่าและนายเก่า ได้แก่ ตังกวย แซ่ลี้ สิบโทอัคคี เมฆยันต์ สิบโทกล้า ตะลุมพุก และพันตรีกฤษณ์ กับเพื่อนใหม่อีกคนหนึ่งคือพันตรีไกวัล(อดุลย์ ดุลยรัตน์) ผู้เชี่ยวชาญการจรวด คนทั้งหมดเปิดเผยกับจ่าดับว่า ถูกทิ้งร่มมาเพื่อปฏิบัติราชการ ขณะนี้มีเหล่าร้ายไม่ปรากฎสัญชาติกำลังมาตั้งจรวดทีมีอานุภาพร้ายแรงเพื่อ รุกรานประเทศไทย เขาทั้ง 5 มาในนามของหน่ายกล้าตาย แห่งกองทัพบกไทยเพื่อหาหนทางทำลายแผนการณ์อุบาทของเหล่าร้ายเสีย จ่าดับจึงเข้าใจเรื่องราวได้ตลอดว่า การที่เสือโทน กับพวกมารุกรานบ้านชนแดนและสัญญาไม่ล้ำถิ่นก็เพื่อ ไม่ต้องการให้คนแปลกหน้าเข้าไปรู้ความลับเรื่องจรวดซึ่งตั้งซ่อนอยู่ในป่า นั้นเอง ขณะนั้นคนทั้งหมดได้พบกับชะเอมกับชะอม และได้เห็นเด่นเป็นบ้า รกตามอ้อยเข้าไปในถิ่นเหล่าร้าย ทุกคนเกรงว่า เด่นจะเข้าไปอาละวาดทำให้เรื่องแตก จ่าดับและเพื่อนจึงตามเด่นเข้าไปในหุบเขา ทิ้งให้เดี่ยว ชะเอม ชะอม อยู่ในสายตาของ พันตรีไกวัล เดี่ยวพบสายโทรศัพท์จึงตามสายโทรศัพท์ขึ้นไป จนกระทั่งพบโรงจรวดของผู้คิดร้าย ซึ่งสร้างเป็นโรงไม้ไผ่มุงแฝกครอบคลุมพรางตาไว้กลางป่า พันตรีไกวัลต้องการจะบอกข่าวนี้กับเพื่อนคอมมานโด จึงทิ้งเดี่ยวไว้กับชะเอมและชะอม ตัวเองเล็ดลอดเข้าไปในหุบเขาถิ่นโจรของเสือโทน เสือทอม เสื่อทิม และเสือทัพ ตั้งอยู่โพรงถ้ำอันกว้างขวางของเขาทะยาน ภายในห้องลับด้วยวิทยาศาสตร์ ประกอบด้วยเครื่องยนตร์กลไกและไฟฟ้า พวกทรยศต่อชาติทั้ง 4 เสือ ได้กำลังสมทบจากดาวร้าย มือปืน 12 ดาว ซึ่งได้จ้างมา ในจำนวนนี้มีมือปืนคนสำคัญอยู่คนหนึ่งคือหมัด เชิงมวย มันอ้างว่ามันคือน้องชายของเจ้าเหมาะ เชิงมวยที่สิ้นชื่อไปแล้วแต่ครั้งต่อสู้ “หนึ่งต่อเจ็ด” ที่หาดใหญ่ หมัด เชิงมวยมาสมัครเป็นมือปืนรับจ้างของเหล่าร้ายครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการจะมาล่าชีวิตของจ่าดับ จำเปาะซึ่งมันเข้าใจว่าครั้งนั้น จ่าดับทอดทิ้งให้เจ้าเหมาะพี่ของมันตาย แต่แทนที่เจ้าหมัดจะได้ล่าชีวิตจ่าดับ จ่าดับกลับเป็นผู้ช่วยชีวิตเจ้าหมัดไว้ จากการลอบสังหารของพวกเสือไทย เพราะเจ้าหมัดแอบไปรู้ความลับว่า พวกนี้ขายชาติ เจ้าหมัดชอกช้ำใจมากที่ตนต้องตกเป็นทาสบุญคุณของจ่าดับ แค้นของมันกลายเป็นหมัน มันเลยหาโอกาสช่วยชีวิตจ่าดับ จำเปาะ และเพื่อนคอมมานโดไว้ให้ได้เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณในช่วงนาทีวิกฤต พันตรีไกวัลรีบมาบอกพรรคพวกว่าตนพบจรวดแล้ว เขาต้องการจะเล็ดลอดเข้าไปในกองบัญชาการของเหล่าร้ายเพื่อทราบกำหนด วัน เวลา ปล่อยจรวด ซึ่งคาดหมายว่าอยู่ในอุโมงค์ ถ้าของเขาทะยานนั้น ส่วนจ่าดับเป็นห่วงชะเอมและชะอม ทั้งไม่ไว้ใจในความบริสุทธิ์ของเจ้าเดี่ยว เขากับเพื่อนจึงรีบรุดไปยังโรงจรวด พันตรีไกวัลหาทางลงไปในถ้ำเขาทะยาน เป็นเวลาเดียวกันกับที่อ้อยกำลังถูก 4 เสือร้ายยื้อแย่งกันอุตลุด พันตรีไกวัลลงไปในห้องพักของรุ่งทิวา(วิไลวรรณ วัฒนพานิช) ซึ่งเป็นลูกสาวสุดที่รักของอ้ายเสือโทน เขาช่วยรุ่งทิวาให้รอดพ้นจากการลวนลามของสมุนโจรคนหนึ่ง แต่ใช่ว่าเขาจะมีความเอื้ออารีต่อลูกเสือร้ายก็หาไม่ด้วยเลือดรักชาติมัน ร้อนระอุ เขาเดือดแค้นทุกสายเลือดของเสือโทน ซึ่งประพฤติตนเป็นคนขายชาติ ถึงกระนั้นพันตรีไกวัลก็หาทำร้ายรุ่งทิวาได้ไม่ ความเดือดแค้นอันเนื่องมาแต่ความรักชาติดับลง เมื่อได้ประจักษ์ว่าแท้จริง รุ่งทิวาเป็นคนตาบอด เธอเป็นเพชรท่ามกลางโคลนตม เป็นลูกที่ดีของพ่อชั่วอย่างเสือโทน เป็นน้องที่ดีของเสือร้ายอย่างทิมและทอม รุ่งทิวาปรารถนาจะได้เห็นฟ้าเมืองไทย เช่นเดียวเดียวกับที่พันตรีไกวัลรักฟ้าเมืองไทย เธอปรารถนาจะได้เห็นธงไทยปลิวสะบัดอยู่เหนือดินแดนนั้น ไม่ใช่ธงของผู้ทรยศหรือผู้คิดร้าย หล่อนมอบธงไทยให้พันตรีไกวัล ธงผืนที่สร้างขึ้นในความฝันของเธอ มันมีเพียงสีขาวและน้ำเงินเธอขอให้ไกวัลเติมสีแดงให้ และขอให้เขาช่วยให้ธงนั้นปลิวสะบัดอยู่เหนือดินแดนนั้นอย่างที่เธอปรารถนา การลอบเข้ามาของพันตรีไกวัล ไม่พ้นการลอบรู้ของเหล่าร้าย เสือโทน ร้องสั่งให้ลูกสาวของตนกดปุ่มระหัสหนี ออกจากประตูกลไปเสียจากห้องนั้น ตนเองจะให้ปืนทันสมัยที่ทรงอานุภาพทำลายห้องที่พันตรีไกวัลแอบไปหลบอยู่นั้น เสีย แต่ระหว่างพ่อ ผู้ทรยศต่อชาติกับนักรบผู้รักชาติ รุ่งทิวาเลือกเอาบุคคลหลัง โดยยอมเสียสละชีวิตของตนเอง ปล่อยพันตรีไกวัลหลบหนีไปทางประตูกล ตนเองต้องตกเป็นเหยื่อกระสุนระเบิดจากปืนทันสมัยซึ่งมีอานุภาพร้ายและผู้ บังเกิดเกล้าของเธอเองลั่นประหารโดยสำคัญผิด เมื่อจ่าดับและพวกไปถึงจรวด เจ้านักเลงเดี่ยวคนนั้นได้หลบหนีไปแล้วโดยพันธนาการชะเอมและชะอมไว้ ทุกคนต่างเข้าใจแน่นอนว่า เดี่ยวต้องเป็นจาระบุรุษ แต่สิ่งที่ทุกคนจะทำได้ต่อไปก็คือ แกไขเหตุการณ์โดยด่วนก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป พันตรีกฤษณ์ได้ค้นพบทางลงไปใต้ดินจึงพบเค้าว่า ประดาผู้คิดร้ายต่อประเทศไทยใช้ใต้ดินเขาทะยานเป็นกองบัญชาการ ไม่ทันที่ทุกคนจะตั้งตัว ทหารของผู้คิดร้ายก็เข้าจับกุมคนทั้งหมดเว้นชะเอมคนเดียวที่ได้หลบซ่อนตัว ทั้งหมดถูกพันธนาการด้วยลวดขนาดเล็ก ล่ามไว้กับหีบระเบิดเวลา รอเวลาตายตอนย่ำรุ่ง ซึ่งผู้คิดร้ายต่อประเทศไทยจะปล่อยจรวดเข้าทำลายกรุงเทพฯ ขณะนั้นพันตรีไกวัล หนีมาพบเพื่อนๆทุกคนถูกพันธนาการอยู่ แต่ไม่สามารถจะช่วยได้เพราะอยู่คนละห้อง และไม่สามารถจะพังห้องกระจกที่สร้างขึ้นมาพิเศษป้องกันการทำลาย พันตรีไกวัลจึงไม่สามารถเข้าไปช่วยได้ เผอิญชะเอมออกมาจากที่ซ่อน พันตรีไกวัลซึ่งเป็นผู้พันทหารช่างแสง จึงให้ชะเอมเป็นเครื่องมือเขาในการถอดชนวนระเบิด โดยเขาจะเป็นผู้ออกคำสั่งทีละขั้นตอน ชะเอมสามารถถอดระเบิดเวลาได้จากการบอกของพันตรีไกวัล ชะเอมได้ช่วยชีวิตทุกคนได้สำเร็จ ทั้งหมดจึงร่วมกันต่อสู้แหวกวงล้อมของเหล่าร้ายออกไปนอกเขาทะยานได้ จ่าดับ จำเปาะพบกับน้องคนเล็กเจ้าเด่น จำเปาะถูกเหล่าร้ายทำร้ายบาดเจ็บสาหัสอยู่ในซุ้มไม้ เด่นขณะนั้นเลือดกำลังเข้าตา ความที่ถูกข่มเหงทำร้ายอย่างเจ็บปวด ทำให้เลือดของลูกผู้ชายและเลือดรักชาติเกิดขึ้นฉับพลัน เด่นขอธงของรุ่งทิวาที่พันไกวัลนำติดตัวมา ให้เป็นหน้าที่ของเขาที่จะเติมเลือดสีแดงให้ เพื่อให้เป็นธงไตรรงค์ของชาติไทย และขอร้องให้ทุกคนปล่อยเขาไว้เป็นหน้าที่ของเขาอีกที่จะชักธงไตรรงค์ขึ้น เหนือดินแดนนั้น แทนธงของผู้รุกราน พันตรีกฤษณ์ได้วิทยุบอกแก่กองบัญชาการเพื่อนัดหมายเวลา ทำลายจรวดของเหล่าร้ายในเวลาย่ำรุ่ง โดยใช้ทหารม้าและยานเกราะ โดยให้ดูธงไทยที่ชักขึ้นเหนือดินแดนนั้นเป็นสัญญาณโจมตี รุ่งขึ้น ด้วยธงสีขาว น้ำเงิน และสีแดงอันได้แก่เลือดจากกายของตนเองจนชุ่มโชก เจ้าเด่นซึ่งเคยเป็นหนุ่มขลาดได้สำแดงความเป็นวีระบุรุษสมชายชาตรี มันชูธงไว้กับคอ วิ่งทะยานเข้าหาเหล่าร้าย ที่กำลังจะชักธงดำขึ้นสู่เสา การต่อสู้เพื่อชาติอย่างบ้าเลือดของเจ้าเด่นเกิดขึ้นที่โคนเสาธงนั้น พลังรักชาติของมันประทับใจอ้อยที่เคยหยามน้ำใจแก่มัน อ้อยทนดูเจ้าเด่น แบะอกรับอาวุธของข้าศึกอยู่ไม่ได้ อ้อยที่ทุกคนกล่าวว่าเป็นนังผู้หญิงที่รักความหรูหราฟุ้มเฟ้อ ก็สละชีวิตตนเองเข้าปะทะเหล่าร้ายร่วมด้วยเจ้าเด่น เจ้าเด่นชักธงไตรรงค์ได้ครึ่งเสาก็ถูกยิงด้วยกระสุนปืนกล นางอ้อยโดดเข้าคว้าเชือกธงแทน เมื่อมันเองถูกกระสุน ตัวมันล้มฟาดกลิ้งลง มันดึงเชือกนั้นพาธงไตรรงค์คู่ฟ้าขึ้นสะบัดอยู่ยอดเสา และธงนั้นไม่มีโอกาสที่จะลดลงอีก หรือยอมให้ธงอื่นชักขึ้นแทนเลย เพราะทั้งอ้ายเด่นและนางอ้อยมันร่วมใจกันเอาเชือกธงที่เหลือนั้นมัดติดตัว มันทั้งสองพันรอบเสาธงอย่างแนบแน่น มันขาดใจด้วยกันที่เสาธงนั้น มัดอยู่ด้วยกันเหมือนคนเดียวกัน ใจเดียวกัน ก่อนขาดใจ อ้ายเด่นยิ้มทั้งน้ำตา เมื่ออ้อยกระซิบเป็นคำสุดท้ายว่า “พี่เด่น…..ฉันรักพี่แล้วนะ ” ในทันใดที่ธงไทยปลิวสะบัด นักรบผู้รักชาติไทยทั้งทหารม้า ยานเกราะ และหน่วยกล้าตายก็เข้าจู่โจมทำลายจรวด ผู้ที่มาเหนือเมฆอย่างที่ไม่มีใครในบ้านชนแดนคาดฝันก็คือ พันตำรวจตรีเดี่ยว จำเปาะ ผู้พันพลร่มกล้าตาย ค่ายนเรศวร ซึ่งได้พาบรรดาพลร่มลูก “เสือดำ” ทั้งผองถลาลงมาจากอากาศเข้าต่อสู้ข้าศึกอย่างทรหดดุเดือด และแม้จรวดจะถูกทำลายแล้วก็ตาม แต่งานของทหารเสือหาได้ยุติลงไม่ เขาได้เผชิญหน้ากับดาวร้ายมือปืน 12 ดาวที่ทรยศต่อประเทศชาติ เพื่อสั่งสอนและกำจัดมิให้คนไทยคนใดทรยศต่อประเทศชาติ จ่าดับ จำเปาะ หมัด เชิงมวยผู้กลับใจเพราะรู้ซึ้งในน้ำใจจ่าดับ ตังกวย แซ่ลี้ สิบโทอัคคี เมฆยันต์ พันตรีไกวัล วิทยา สิบโทกล้า ตะลุมพุก พันตรีกฤษณ์ แก้วณรงค์ และพันตรีเดี่ยว จำเปาะ ทั้งหมดพกปืนกันคนละกระบอก เข้าเผชิญหน้ากับ 12 มือปืนนั้นอย่างแลกชีวิต ทั้งหมัด ทั้งมวย ทั้งยิงกันแบบแลกชีวิต จนสามารถหมอบ 12 มือปืนลงไปอย่างลาบคาบ พันตรีเดี่ยว จำเปาะได้อยู่กินกับชะเอม และพี่น้องก็เข้าใจกันในอ้อมกอดของจ่าดับ จำเปาะและเดี่ยว จำเปาะ จ่าดับได้เพื่อนใหม่ที่ขอติดตามจ่าดับไปในทุกหนแห่งแทนพี่ชายเขา นั้นคือหมัด เชิงมวย |
|||
1 ต่อ 7 ตอน ชุมทางหาดใหญ่ ถ้าใครเคยดู 1 ต่อ 7 ภาคแรกเมื่อปี 2501 คงจำได้ว่าหลังจากที่เหมาะ เชิงมวย 1 ใน 7 ประจัญบาน ได้ถูกเหล่าร้ายลุมกระหน่ำยิงจนเสียชีวิต ฉากจบพันตำรวจตรีสะอ้านก็ได้เข้ามาต่อสู้กับเหล่าร้ายแทนเหมาะ เชิงมวย หลังเสร็จภาระกิจนี้แล้ว พันตำรวจตรีสะอ้านก็ได้ถูกย้ายเข้ามาอยู่ในหน่วยงานทางสภาป้องกันสันติสุข แห่งประเทศไทย โดยอยู่ในหน่วยงานของ พลตำรวจโทกัมปนาท เรื่องราวต่าง ๆ ได้ถูกถ่ายทอดให้ผู้การกับปนาทได้ทราบ ทำให้ผู้การกัมปนาทขอตัวทั้ง 7 ทหารกล้ามาอยู่ในหน่วยงานนี้ ซึ่งเป็นหน่วยงานความมั่นคง เรียกง่าย ๆ ว่า สายลับ นั่นเอง เมื่อไม่มีภาระกิจใดสำคัญ เหล่าทหารทั้ง 7 ก็จะแยกย้ายกันกลับภูมิลำเนาของตนเอง จ่าดับ จำเปาะได้กลับบ้านเกิด เจอกับน้องต่างมารดา เดี่ยว จำเปาะ และความแค้นของ หมัด เชิงมวย น้องชายของเหมาะ เชิงมวย ที่เข้าใจผิดคิดว่าจ่าดับเป็นคนทำให้เหมาะ เชิงมวยตาย การต่อสู้กับอิทธิพลเถื่อนของบ้านจ่าดับ โยงไปถึงเหล่าร้ายข้ามชาติ เหล่านี้อยู่ในตอนที่ชื่อว่า นักเลงเดียว หลังเสร็จภาระกิจจ่าดับ จำเปาะก็แต่งงาน มีลูกสาว 1 คนทำงานเป็นตำรวจ เหล่านี้เป็นเรื่องราวที่ผมอยากให้เพื่อน ๆ ได้ทราบก่อนที่จะมาเชื่อมโยงสู่ ชุมทางหาดใหญ่ที่จะเล่าต่อไปนี้ครับ ย้อนไปเมื่อสมัยหนุ่ม ๆ สมัยที่กัมปนาทยังมียศเพียงร้อยตำรวจเอก เขาได้รับการช่วยชีวิตจากมะเซ็งกะ คนไทยเชื่อสายมาเลเซีย ก่อนจากกันทั้งคู่จับมือกันและกัน ว่าจะไม่มีวันลืมกัน 15 ปีผ่านไป มะเซ็งกะ (สมควร กระจ่างศาสตร์) กลายเป็นโจรจำเป็น อันเกิดจากความจนอย่างยากเย็นแสนเข็ญ แต่ต่อมาภรรยาได้ขอให้เขาเลิกเป็นโจร มะเซ็งกะเตรียมจะเข้ามอบตัว ลีกิมซัว (ถวัลย์ คีรีวัต) หัวหน้าชุมนุมของผู้ก่อการร้ายไร้ชาติ ไร้ศาสนา ที่ตั้งชุมโจรอยู่ที่ป่าร้าง เมืองหาดใหญ่ พอลีกิมซัวรู้ว่ามะเซ็งกะจะมอบตัว ก็วางแผนโดยให้ลูกน้องลอบยิงนายตำรวจแล้วโยนความผิดไปให้มะเซ็งกะ ลีกิมซัวทำเป็นผู้หวังดีรับมะเซ็งกะ กับภรรยา และจังหัน ลูกชาย กับจิ๊งหน่อง (เพชรา เชาวราษฏร์)ลูกสาวมาอยู่ในชุมโจรด้วยกัน ข่าวมะเซ็งกะยิงนายตำรวจตาย ได้ถูกรายงานเข้ากรุงเทพฯ ทางสภาป้องกันสันติสุขแห่งประเทศได้ประชุมกัน แล้วตัดสินว่าจะปราบปรามมะเซ็งกะขั้นแตกหักพร้อมเตรียมจับตาย แต่พันตำรวจโทกัมปนาท (ฑัต เอกฑัต) ได้ยับยั้งไว้ เพราะเชื่อว่ามะเซ็งกะไม่ใช่เป็นคนแบบนั้น ทางสภาฯจึงมอบหน้าที่นี้ให้กัมปนาท กัมปนาทเรียกมือดีที่อยู่กับตนเองทั้งหมด ลงพื้นที่ แต่ข่าวการลงพื้นที่ของทีมกัมปนาทรู้ถึงหู ลีกิมซัว เริ่มจากพันตรีทนนัก เสนาประจัญ (มิตร ชัยบัญชา) ที่ถูกส่งให้ลงพื้นที่หาดใหญ่ ก็ถูกจับตัวโดยชาลีและทิม สมุนของลีกิมซัว ระหว่างถูกจับตัว ร้อยตำรวจตรีหญิง ดรุณ๊ จำเปาะ เห็นและจำทนนักได้ก็เข้าช่วยเหลือจนถูกเหล่าร้ายยิงตาย จ่าดับ จำเปาะพอทราบว่าลูกสาวถูกฆ่าตายก็เป็นเดือดเป็นแค้น เตรียมเดินทางลงหาดใหญ่เพื่อตามล่าคนฆ่าลูกสาว โดยไม่ยอมฟังคำทัดทานจากกัมปนาทที่กลัวจะเสียแผน หลังฟื้นขึ้นมาทนนักแกล้งทำเป็นบ้า พอเห็นไอดาหลิน ลูกสาวของลีกิมซัวก็ตรงเข้าไปจูบ สร้างความโกรธให้กับเหล่าลูกน้องของลีกิมซัวกลัวจะลีกิมซัวจะเล่นงานตน ดีที่ลีกิมซัวห้ามไว้ ไอดาหลินหลงเสน่ห์ในความหล่อและรสจูบของทนนัก แม้เขาจะบ้า ซึ่งเธอทราบดีว่าเป็นเพราะเกิดจากการกระทบกระเทือนสมอง ลีกิมซัวสอบถามเรื่องแผนของทางการ แต่ก็ไม่ได้คำตอบ ตัดสินใจจะฆ่าทนนักเสีย ปรากฎว่ามะเซ็งกะห้ามไว้ขอรับตัวทนนักไปที่ ๆ พักของตนเอง ตกดึกทนนักได้แบอย่องไปยังตึกร้าง อันเป็นกองบัญชาการของลีกิมซัว จิ้งหน่องเห็นก็ขัดขวาง เลยโดนทนนักจูบจนสลบ เพราะเธอไม่เคยผ่านมือชายมาก่อน ทนนักลักลอบเข้าตึกร้าง เกิดไปเหยียบสัญญาเตือนภัย เกือบจะถูกจับได้ ดีที่ไอดาหลินตื่นขี้นมาเห็นฉูดเข้าไปในห้อง ในห้องไอดาหลินมีเครื่องรับส่งวิทยุ ทนนักจึงใช้เสน่ห์ตนเองทำให้ไอดาหลินหลงไหล ระหว่างที่เธอเผลอทนนักแอบส่งข่าวไปยังกองบัญชาการ จิ๊งหน่องหลงไหลในรสจูบของทนนักออกตามหาเจอเขาอยู่กับไอดาหลินก็เกิดความหึง แต่ก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้นเหล่าสมุนของลีกิมซัวก็เข้ามาจับทนนัก ไอดาหลินกับจิ๊หน่องช่วยกันพาทนนักหนีออกจากป่า ไปที่ บาร์ม้าย่อง ในเมืองหาดใหญ่ บาร์นี้เป็นที่รวมของเหล่ามือปืนระดับพระกาฬ ในจำนวนเหล่ามือปืน มี โบ้ บางระจัน เบื้องหลังก็คือพันตำรวจตรีเดี่ยว จำเปาะ (ทักษิณ แจ่มผล) น้องชายของจ่าดับ จำเปาะที่มาช่วยจ่าดับหาคนฆ่าหลาน ตังกวย แซ่ลี้ (ทองฮะ วงศ์รักไทย) มิสเตอร์ซังเต มือปืนชื่อดังแห่งมาเลเซีย แต่ในหนึ่งก็คือ พันตรีชัยยุทธ กัปตันฮายิด และ ม้า นักร้องประจำบาร์ เบื้องหลังก็คือร้อยตำรวจเอกโดมดี ดอกรัก พวกของลีกิมซัวตามไปจับทนนัก ที่บาร์แต่ไอดาหลินป้องกัน จิ้งหน่องได้แย่งปืนกลพวกเหล่าร้ายยิ่งกราด ไอดาหลินพาทนนักหนีรอดมาได้ จิ้งหน่องเห็นลังใบใหญ่เปิดออกดูกลายเป็น บาโซ๊ะ อิหม่านใหญ่ของทางใต้ที่ถูกเหล่าร้ายจับไว้ จิ๊งหน่องได้พาบาโซ๊ะหนี เพื่อไปส่งบ้านเมือง อัญชัญ (ปรียา รุ่งเรือง) แฟนของระเด่น บาลันตู ลูกชายบาโซ๊ะ เห็นจะไปบอกให้พวกเหล่าร้ายรู้ ม้าเห็นอย่างนั้นก็ใช้เชิงเจ้าชู้สยบอัญชัญอยู่ในอ้อมแขน ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในสายตาของสายลับ และอีกคนคืออ้ายขุน สมุนชั้นเซียนของลีกิมซัว ที่เป็นอาจารย์สอนปืนระเดน อ้ายขุนวางแผนให้ระเด่นซึ่งเดินเข้ามาในบาร์ทีหลัง ฆ่าพ่อตัวเอง โดยบอกให้ยิงผู้ชายที่เพิ่งเดินออกไปจากบาร์ บอกว่าเป็นทนนัก ระเด่นลงมือยิงแต่พลาด พอรู้ว่าคนที่ยิงคือพ่อก็โกรธอ้านขุน อ้ายขุนเลยยิ่งระเด่นล้มลง แล้วจะทำการยิงบาโซ๊ะ แต่มิสเตอร์ซังเตเจ้าของฉายามือปืนเล่นกลมาขัดขวาง อ้านขุนพอเห็นมิสเตอร์ซังเตก็เผ่นหนีเพราะรู้ถึงฝีมือของซังเต ซังเตพาบาโซ๊ะไป ก็มี่จ่าตำรวจปลอมมารับตัว โบ้ บางระจันหรือเดี่ยว จำเปาะที่เห็นเหตุการณ์ เกิดระแวงจ่าตำรวจจึงวิทยุไปยังม้า ขณะที่ม้าก็โดนล้อมโดยเหล่าร้าย ขณะที่ซังเตก็กำลังโดนเหล่าร้ายล้อม จ่าตำรวจปลอมเผยตัวออกมา โบ้วิทยุเรียกดันฮายิดให้นำฮอลลีคอปเตอร์มา โบ้ขึ้นฮอฯยิงสู้กับเหล่าร้าย ช่วยซังเตกับบาโซ๊ะไว้ได้ ที่สงขลากัมปนาทและ ผู้บัญชาการทหารบกได้มาคอยรับบาโซ๊ะ และนำบาโซ๊ะออกแสดงตัวสาธารณะชนว่า บาโซ๊ะยังอยู่ เพราะเหล่าร้ายได้กระจายข่าวว่าบาโซ๊ะถูกทางการฆ่าตายแล้ว บาโซ๊ะได้ขอให้มะเซ็งกะมอบตัว ลีกิมซัววางแผนให้มะเซ็งกะมอบตัวแล้วใส่ระเบิดไว้ที่ตัว มะเซ็งโดนลีกิมซัวขู่ว่าถ้าไม่ยอมสละชีพ จะสังหารราษฏรนับหมื่นนับพันคน ลีกิมซํวหวังสังหารผบ ตำรวจ ผบ. ทหาร แล้วจะป้ายความผิดให้มะเซ็งกะกับชาวบ้าน มะเซ็งกะต้องจำใจสะพายระเบิดไปสู่นาทีสังหาร พอเห็นกัมปนาทมะเซ็งก็สำนึกก้าวขาไม่ออก ลีกิมซัวได้รวมพลเหล่าร้ายเข้าล้อมสถานที่มอบตัว หวังเผด็จศึก ทนนักถูกล่ามโซ่อยู่ในรถทึบกับไอดาหลิน ลีกิมซัวสั่งให้เหล่าสมุนพร้อมยิ่งเข้าไปใสรถ จิ้งหน่องได้แอบเข้าไปช่วยทนนักกับไอดาหลิน พอลงจากรถ จ่าดับ จำเปาะได้ฝ่าเหล่าร้ายมาช่วยคนทั้งสาม แต่ทั้งหมดก็ถูก 7 มือปืนมหากาฬของลีกิมซุงล้อมอีกครั้งเตรียมสังหาร จ่าดับ จำเปาะยืนขวางทนนักและไอดาหลินกับจิ้งหน่อง กลางถนนพร้อมกระตุกเชือกกล้วย กางเกงสีแดงแห่งการต่อสู้ปรากฎให้เห็นต่อสายตา7มือปืน จ่าดับสำนึกว่าตนกำลังเหมือนเมื่อครั้งเหมะ เชิงมวยถูกเหล่าร้ายล้อมยิง วินาทีสุดท้ายของเขาคงมาถึงเป็นแน่แท้แล้ว แต่แล้วสิ่งที่จ่าดับเห็นก็คือ ทุกมุมของ 7 มือปืนก็ปรากฎตัวของบุรุษนิรนาม แต่เป็นคนที่จ่าดับรู้จักดี นั่นคือ เดี่ยว จำเปาะ หมัด เชิงมวย ตังกวย แซ่ลี้ อัคคี เมฆยันต์ ดั้น มหิตรา กล้า ตะลุมพุก และจุก เบี้ยวสกุล ที่มาในหลายรูปแบบ โดย 7 มือปืนไม่รู้ ทั้งเป็นคนขี่รถสามล้อ ขายเฉาก๊วย ขอทาน ขายล๊อตเตอร์รี่ ฯลฯ ทั้ง 6 ทหารกล้าถูกเรียกมาโดย เดี่ยว จำเปาะ หลังทราบว่าจ่าดับออกมาตามล่าคนฆ่าหลาน งานนี้โยงถึงเหล่าร้ายข้ามชาติ จึงต้องรวมพล 7 ทหารกล้าอีกครั้ง เพราะความชะล่าใจเหล่ามือปืนที่เคยเป็นต่อกลายเป็นรอง การดวลปืนและหมัดจึงเริ่มขึ้น ระหว่าง 7 มือปืนมหากาฬ กับ 7 ประจัญบาน มะเซ็งกะได้รับการกู้ระเบิดสำเร็จกลับใจต่อสู้กับเหล่าร้ายร่วมกับกัมปนาท โดยมีจังหันลูกชายที่กลับใจมาช่วยพ่อ ลีกิมซวงพร้อมสมุนถูกทางการกำจัด ไอดาหลินสิ้นพ่อ พันตำรวจตรีทนนักยื่นมือเข้าดูแล โดยการยินยอมของจิ๊งหน่อง ภาระกิจของ 7 ทหารกล้าเป็นอันว่าสิ้นสุดไปอีกตอน |
|||
ในช่วงปี 2501-2502 และเป็นหนังตระกูล “หนึ่งต่อเจ็ด” ซึ่งสร้างกันหลายภาค..ท่านใดเกิดทัน ได้ดู หากจำได้ ก็ช่วยบอกหน่อยนะครับ...ส่วนดาราที่ปรากฏตัวในหนังที่เห็น ก็เช่น...อาคม มกรานนท์-อดุลย์ ดุลยรัตน์-ทักษิณ แจ่มผล-สมพล กงสุวรรณ-เมืองเริง ปัทมินทร์-ส.อาสนจินดา-จุ๋มจิ๋ม ศรทอง-วิไลวรรณ วัฒนพานิช-สิงห์ มิลินทราศรัย-สาหัส บุญหลง-ทานฑัต วิภาตะโยธิน ฯลฯ สำหรับหนังตระกูล หนึ่งต่อเจ็ด นี้ เช่นเรื่อง... -หนึ่งต่อเจ็ด นำแสดงโดย สุรสิทธิ์-วิไลวรรณ-ส.อาสนจินดา-อดุลย์-วิภา วัฒนธำรง-ทม-สมชาย ตัณฑกำเนิด-เมืองเริง-ถวัลย์-ทองฮะ..สร้างโดย บางกอกการภาพยนตร์ กำกับการแสดงโดย ส.อาสนจินดา เข้าฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2501 ที่โรงหนังพัฒนากร.. -เจ็ดแหลก (หนึ่งต่อเจ็ด ตอน 3) นำแสดงโดย อาคม มกรานนท์-อดุลย์-วิไลวรรณ-วิภา-ส.อาสนจินดา-จันตรี-อุสมาน-เปิ่น-ทองฮะ-ล้อ ต๊อก..สร้างโดย บางกอกการภาพยนตร์ กำกับโดย ส.อาสนจินดา เข้าฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2501 ที่โรงหนังพัฒนากร.. -สิบสองนักสู้ นำแสดงโดย อดุลย์-ส.อาสนจินดา-ชรินทร์-วิไลวรรณ-วิภา-สุระ-สง่า-ศรินทิพย์-อดินันท์-สุ เทพ-อาคม สร้างโดย วิจิตรภาพยนตร์ โดย วิจารณ์ ภักดีวิจิตร เป็นผู้อำนวยการสร้าง กำกับการแสดงโดย ส.อาสนจินดา เข้าฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2502 ที่โรงหนังเอ็มไพร์-พัฒนากร.. -เจ็ดประจัญบาน นำแสดงโดย มิตร-คริสตินเหลียง-รุจน์-ทักษิณ สร้างโดยวัชรภาพยนตร์ โดย วิมล ยิ้มละมัย กำกับการแสดงโดย ส.อาสนจินดา เข้าฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2506 ที่โรงหนังคาเธ่ย์.. -เจ็ดตลุมบอน นำแสดงโดย ทักษิณ-แก่นใจ-สุรสิทธิ์-รุจน์ เข้าฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2506 ที่โรงหนังพัฒนากร.. -ชุมทางหาดใหญ่ นำแสดงโดย มิตร-เพชรา-ไอดาหลิน-ปรียา-ทักษิณ-รุจน์-อดุลย์-สมควร-ฑัต-สาหัส-สมพล สร้างและกำกับโดย ส.อาสนจินดา เข้าฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2509 ที่โรงหนังควีนส์.. -1 ต่อ 7 ประจัญบาน นำแสดงโดย ส.อาสนจินดา-ชินตา-แมน ธีรพล-อดุลย์ ดุลยรัตน์-ชุมพร-โสภา.. สร้างและกำกับโดย ส.อาสนจินดา เข้าฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2510 ที่โรงหนังบางกอก... |
_____________________
Sampan Chanpa
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น